15/3/55

EUR/USD 15/03/2012

เนื่องจากค่าเงินดอลล่า ยังมีแรงเทขายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากกำลังซื้อที่มีเข้ามาอย่างมาก ตลอดสัปดาห์ ทำให้วันนี้ Eur/Usd มีแนวโน้มสดใสขึ้นที่จะขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.3090-1.3100 แต่อย่างไรก็ดี แนวโน้มหลักยังเป็นขาลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทรดเดอร์ สามารถทำกำไรเป็นช่วงสั้นๆ ราวๆ 50-80 PIP ได้ครับ แล้วจึงกลับมาดูแนวโน้มใหม่อีกครั้ง จะปลอดภัยกว่า

14/3/55

EUR/USD GBP/USD GOLD วันนี้

EUR/USD

Pivot: 1.3100.

Most Likely Scenario: SHORT positions @ 1.309 with 1.301 & 1.297 in sight.

Alternative scenario: The upside penetration of 1.31 will call for a rebound towards 1.312 & 1.3155.

GBP/USD
Pivot: 1.5710.

Most Likely Scenario: SHORT positions @ 1.57 with 1.563 & 1.56 in sight.

Alternative scenario: The upside breakout of 1.571 will open the way to 1.5745 & 1.5785.
GOLD (SPOT)
Pivot: 1685.00

Most Likely Scenario: SHORT positions below 1685 with 1663 & 1642 as next targets.

Alternative scenario: The upside penetration of 1685 will call for 1700 & 1714.

Comment: The RSI is capped by a bearish trend line.
เครดิต FXPro



11/3/55

แนวโน้ม EUR/USD

จากรูปแสดงให้เห็นว่า ถ้าราคาหลุดทะลุระดับ 1.2690 หรือยังปรับตัวขึ้นลงใกล้ๆแนวราคานี้ อาจมีแนวโน้มที่จะลงไปทดสอบ ราคาที่ 1.15XX ในไม่ช้า ถ้าราคาปรับมาจริงๆ Eur/Usd จะเข้าโซน Buy แบบไม่มีทางเลี่ยง คุคุคุ


ข่าวค่าเงิน EUR

Greece Default Is Official; Insurance Payouts Triggered
    A group representing dealers in credit default swaps decided Friday that Greek's bond swap constitutes a "credit event" that entitles holders of Greek credit default swaps to compensation. The "yes" vote by the International Swaps and Derivatives Association triggers roughly $3.2 billion in CDS, which are insurance policies that pay out if a bond issuer defaults. That amount is actually much smaller than many had feared. The decision was widely expected, and stocks were slightly down after the announcement.

Greece pushed through a bond swap deal on Friday, forcing  bond holders to take a significant "haircut" on the return of their money. The swap was approved by about 84 percent of the holders, and Greece is moving to activate a rule forcing the rest of the bondholders to go along with the deal.

The triggering of that rule, known as the Collective Action Clause, is what prompted the ISDA to decide that Greece has created a "credit event." 


“There’s three types of credit events as defined by ISDA,” said Gavan Nolan, Credit Analyst at Markit. “There’s a bankruptcy, a failure to pay and a restructuring.”


“What we’re talking about here with Greece is a restructuring," he told CNBC. "A request is made to the ISDA Determinations Committee—which is the arbiter of whether a credit event has occurred—and they have to agree whether or not it is a credit event.”



Out of the 15 members of the ISDA committee, 80 percent had to agree.


The net volume of CDS on Greece now stands at $3.2 billion, according to the Depository Trust & Clearing Corporation, which holds data on credit default swap contracts.


“It’s peanuts really compared to the government bond market," said Nolan. "So I think it’s sometimes overplayed as to how important it is.”


เสียวๆจะลงยาวๆนะครับ จากข่าวนี้

10/3/55

การใช้ RSI

การใช้ RSI
การใช้ Rsi ( Relative Strength Index)

RSI เป็นเครื่องมือวัดการแกว่งของตลาดอีกเหมือนกัน ซึ่ง RSI จะให้สัญญาณที่ช้ากว่า อินดิเคเตอร์ตัวอื่นๆ แต่เป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างที่จะแม่นยำเลยทีเดียว การใช้ RSI
โดยส่วนใหญ่ก็จะใช้ดู Overbought /Oversold เหมือนกัน  และดู Divergence เช่นเดียวกัน การดูDivergence ด้วย RSI เป็นที่นิยมกันมาก เพราะมันจะให้ค่าที่แม่นตรง
มากๆ โอกาสที่จะพลาดมีน้อย เพราะว่า RSI จะวิ่งเป็นรอบที่ใหญ่มากตามค่าที่เราตั้ง ถ้าเราตั้งค่า 14  ราคาวิ่งลงหนึ่งรอบ rsi จะวิ่งแค่สองรอบ ซึ่งแตกต่างจาก sto ที่วิ่งเป็น สิบๆรอบ นี่คือเหตผลที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้ RSI เป็นเครื่องมือในการทำกำไร

RSI ที่ใช้กันส่วนใหญ่ คือ  9 และ 14 วัน เป็นค่าที่มาตรฐานที่สุด
สัญญาณการกลับตัว เมื่อ RSI เข้าสู่ระดับ 70 ให้เราเตรียมตัวออกจากออเดอร์ที่เราได้ เปิด Buy ไว้ แล้วก็หาจังหวะ Sell
สัญญาณการกลับตัวเมื่อ RSi เข้าสู่ระดับ 30 ให้เราเตรียมตัวออกจากออเดอร์ที่เราได้ เปิด Sell ไว้ แล้วก็หาจังหวะ Buy
การหาจังหวะเข้า  Sell ต้องรอให้ RSI หัดหัวลงก่อนนะครับ เปิดดูที่กราฟ TF ใหญ่ๆก่อนว่ามันหักลงหรือป่าว ถ้าหัก เราก็เปิด หา สัญญาณจาก TFเล็กๆ ถ้าหักลงตามกัน
เราก็จึงหาจังหวะ Sell ในขณะเดียวกัน จังหวะบายก็ทำเหมือนกัน

ภาพตัวอย่างของการใช้ RSI

การใช้ MACD

การใช้ MACD

Moving Average Convergence Divergence (MACD)

เป็นเครื่องมือวัดความแรงของตลาด ซึ่งได้คำนวณค่าจากเส้นการเคลื่อนที่ของราคา 2เส้นMACD ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ เส้น Moving Average  , Signal Line , และ Histogram  ดังรูปด้านล่าง
จากรูปด้านบน  EUR/USD 4 Hours กราฟแบบแท่งเทียน(Candlestick)
 เส้นสีแดงเป็น Signal Line
 เส้นสีน้ำเงินเป็นเส้น Moving Average
 ส่วนสีเงินเป็น Histogram ฺBar
 MACD จะ แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ด้านบนและด้านล่าง โดยมีเส้น Zero Line กลั้นอยู่ โดยด้านบนเราจะเรียกว่า แดนบวก( Bullish zone) และด้านล่างจะเรียกว่า แดนลบ (Bearish Zone)
 พิจาณารปด้านบน
 จากหมายเลข 1 เราจะเห็นว่า เส้น Moving Average สีน้ำเงิน ตัดกับเส้น Signal Line สีแดง เมื่อ ตัดผ่าน เราก็เข้าซื้อ (Buy/Long) กันได้เลย เมื่อเข้าแล้ว ถ้าราคาเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นก็ปล่อยไปเรื่อยๆ หรืออาจจตั้งเป้าหมายเอาไว้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของทุกท่านว่าจะเอาเท่าไร  เราจะปิดก็ต่อเมื่อเส้นสีน้ำเงิน ตัดกับ เ้ส้นสีแดงอีกครั้ง เราก็ทำการปิดออเดอร์ดังรูปหมายเลข 2 จากนั้น ก็รอหาจังหวะในการเข้าทำกำไรใหม่อีกครั้ง จะเห็นว่า หมายเลข2 เป็นสัญญาณขาย ( Sell/ Short) เราก็เซลเมื่อเส้นสีน้ำเงินตัดกับสีแดง และรอปิดเมื่อเส้นสีน้ำเงินตัดสีแดงอีกครั้ง เราจะเห็นว่าช่วงที่ 2- 3 ไม่น่าเปิดออเดอร์
 ต่อไป เรามาทำการพิจารณา Histogram ในช่วงหมายเลข 2 ถึง หมายเลข 3 จะพบว่า Histogram(สีเงิน) ทำยอดคลื่นต่ำลงเรื่อยๆ นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ราคาในขาขึ้นเริ่มหมดแรงแล้ว ในภาษาทางเทคนิค เรียกกันว่า Divergence ราคายังเป็นขาขึ้นอยู่ แต่ Macd-Histogram เริ่มปรับตัวลง เราก็เริ่มมองหาสัญญาณขาย( Sell/Short) กันได้เลย ดังหมายเลข 3  สีน้ำเงินตัดกับสีแดง สัญญาณConfirm ว่าให้ Sell คือหมายเลข 7  ตำแหน่งนี้เป็นการบ่งบอกที่ชัดเจนมากเพราะเส้นสีน้ำเงินและ Histogram ตัดกับ Zero Line ซึ่งหมายความว่าตลาดได้เข้าสู่สภาวะกระทิง (ฺำBearish Market) ตลาดขาลง เมื่อเรา Sell แล้วก็ปล่อยให้ราคาวิ่งไปเรื่อย  เมื่อเส้นสีน้ำเงินตัดเส้นสีแดงอีกครั้งเราก็ทำการปิดออเดอร์ และรอจังหวะ เพื่อ ที่จะซื้อกลับอีกรอบ
ต่อไปเรามาพิจารณาหมายเลข  4 และหมายเลข 5  จะดังเกตว่า Histogram ทำการปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ในขณที่ราคาด้านบนก็ยังมีการปรับตัวลง นี่คือ Divergence bullish เราจะเห็นว่า สันคลื่นของหมายเลข 5 สูงกว่า หมายเลข 4 นั่นหมายความว่า ราคาจะเกิดการกลับตัวในไม่ช้า  เราจะรู้ได้ไงว่าราคาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง เราก็ดูการตัดกันของเส้นสีน้ำเงินตัดกับสีแดงเหมือนเดิม ถ้าสีน้ำเงินตัดสีแดงขึ้น ก็ทำการ ซื้อ Buy กันได้เลย เมื่อเราได้ทำการซื้อ ฺBuy ในหมายเลข 5 สัญญาณ คอนเฟริม ก็คือ เส้นสีน้ำเงินและ Histogram ได้ตัดเส้น Zero  Line  ขึ้นไป(หมายเลข 6 )  หมายเลข 6 จะเป็นตำแหน่งซื้อ Buy ที่ปลอดภัย เพราะตลาดได้เข้าสู่สภาวะขาขึ้น ( Bullish Market) นักลงทุนบางคนจะรอเข้า แค่ตรงนี้เพราะพวกเขาถือว่า เปิดออเดอร์ในราคาที่ปลอดภัยดีกว่าเิปิดออเดอร์ในราคาที่สวย
เราจะเห็นว่า  MACD จะวิ่งเป็นรอบ ขึ้น  ลง  ขึ้น MACD ให้สัญญาณช้า แต่ว่ามีความแม่นตรงค่อนข้างสูง มันจึงถูกยกย่องให้เป็น อินดิเคเตอร์เทพ แห่งฟอเร็กซ์
การดู MACD นั้น ไม่ยาก แค่ดูการตัดกันไปตัดกันมา ของเส้นสีน้ำเงินและสีแดง และ ดูว่าเส้นสีน้ำเงินและ Histogram ตัดผ่าน Zero Line เพียงแค่นี้เราก็สามารถทำกำไรจาก ตลาด ฟอเร็กได้แน่นอน


รูปตัวอย่างการเทรดโดยใช้ MACD อย่างเดียว
Divergence Bulish คือ ราคาทำราคาต่ำสุดใหม่ เมื่อเทียบกับยอดเก่า แต่ Indicator ทำยอดสูงขึ้นเรื่อยๆ
Divergence Bearish คือ ราคาทำราคาสูงสุดใหม่ เมื่อเทียบกับยอดเดิม แต่ Indicator ทำ ยอดต่ำลงมาเรื่อยๆ
Side way คือ ราคาิวิ่งไปวิ่งมา ในกรอบราคาแคบๆ ไม่มีเทรนที่ชัดเจน ช่วงนี้ ไม่น่าเทรด เพราะอาจจะทำให้เราผิดพลาดได้


การใช้ Stochastic

การใช้ Stochastic

Stochastic เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ในการเกร็งกำไรในตลาดฟอเร็กซ์ สโตเป็นเครื่องมือวัดการแกว่งของตลาดซึ่งเหมาะกับตลาดไซว์เวย์ (Side way) ไซเวย์หมายความว่ามีการแปลงแปลงของราคาไม่มากนัก สโตเป็นเครื่องมือที่ไวเท่ากับราคา สัญญาณของสโตจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการตัดกัน โดยส่วนมาก ผมจะใช้ สโต ในการดู
Overbought / Oversold และ การดู Divergence  

สัญลักษณ์ที่ผมใช้เพื่อให้เข้้าใจกันทุกคนนะครับ
OB=Overbought สัญญาณแรงซื้อเยอะเกินไปแล้ว
OS=Oversold   สัญญาณการขายเยอะเกินไปแล้ว
DVB=Divergence Bullish สัญญาณกลับตัวของขาขึ้น
DVBr=Divergence Bearish สัญญาณการกลับตัวของขาลง
ดูภาพด้านล่างประกอบเลยนะครับ
จากภาพด้านบนจะเห็นว่า ผมได้กำหนดให้เส้นปะสีขาว ที่ระดับ 80 เป็น เขต OB และ เส้นประสีขาวด้านล่างที่ระดับ 20 เป็นเขต OS ซึ่งสโตในรูปผมได้ตั้งค่าไว้ที่
8 3 3 ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่ใช้กันโดยทั่วไป มีเส้นสีขาวและสีแดง เป็นเส้นสัญญาณในการพิจาณา ซึ่งดูจากการตัดกันของเส้น

การดู stochastic

1.เมื่อเส้นสัญญาณทั้งสองเส้นได้วิ่่งเข้าสู่ เขต OB ระดับ 80 แล้ว เราก็เริ่มพิจาณากันได้เลยว่า การขึ้นมาของราคาเริ่มจะสิ้นสุดลงแล้ว ให้เตรียมปิดออเดอร์ เมื่อเริ่มมีสัญญาณการกลับตัวนั่นก็คือ เส้นสัญญาณท้งสองเส้นเริ่มตัดกันให้เราปิด ออเดอร์ ที่เรา  Buy มาทันที และเตรียมหาสัญญาณ Sell เมื่อเส้นสัญญาณทังสองเ้ส้นได้ตัดกันเรียบร้อยแล้ว

2.เมื่อเส้นสัญาณทั้งสองเส้นได้วิ่งเข้าสู่เขต OS ระดับ 20 แล้ว มันเป็นสัญญาณบอกเราว่า การลงมาของราคาไดใกล้สิ้นสุดแล้ว ให้เราเตรียมปิดออเดอร์ที่เราได้ Sell
มา แล้วเตรียมหาโอกาสเมื่อเส้นสัญญาณทั้งสองเส้นได้กลับตัวแล้วมีการตัดกันเกิดขึ้น แล้วเราก็เปิด order buy ทันที

3. การดู Divergence ไดเวอร์เจนดูได้สองแบบคือ ดูไดขาขึ้น และไดขาลง ไดขาขึ้นเรียกว่า Divergence Bullish ไดขาลงเีีรียกว่า Divergence Bearish
การดูไดขาขึ้น DVB จากรูปเห็นเส้นสีเหลืองกันมั้ยครับ นั่นแหระครับ คือ Divergence ไดเวอร์เ้จ้นเป็นการลากจุดสองจุดเทียบกัน โดยมีข้อกำหนดที่ว่า ยอดแรกและยอดที่สองต้องไม่เท่ากัน จึงจะเรียกว่าไดเวอร์เจน การดูไดขาขึ้นก็ลากสองยอดเทียบกัน โดยให้ ความชันมีค่าเป็นบวก ถ้าสัญญาณได้เกิดไดเวอร์เจนนั่นก็หมายความว่าราคาจะมีการกลับตัวในไม่ช้า เตรียมเปิดออเดอร์กันได้เลย การใช้ sto ดูไดเวอร์เจนจะไม่ค่อยชัดเจนเหมือนดูจาก CCI , RSI , และ MACD  เพราะ stochastic จะเน้นไปทางการดู
Overbought/ Oversold มากกว่า และดูจากการตัดกันของ เส้นสัญญาณทั้งสองเ้ส้นด้วย เพียงแค่นี้เราก็สามารถเกร็งกำไรจากตลาดฟอเร็กโดยใช้ stochastic กันได้แล้ว

การใช้ Moving Average

การใช้ Moving Average

Moving Average คือเส้นเฉลี่ยการเคลื่อนที่ซึ่งคำนวณมาจากราคาในแต่ละช่วงแล้วนำมาหาค่าเฉลี่ย
การใช้ Moving Average ในการทำกำไร เราจะใช้กับตลาดที่สามารถบอกเทรนได้ ไม่สามารถใช้กับตลาดที่ผันผวนมากๆแกว่งไปแกว่งมา ( Side way)
Moving Average ให้สัญญาณที่ช้า แต่ถ้าเราดูเป็นก็สามารถใช้มันในการเกร็งกำไรได้อย่างง่ายดาย
ประโยชน์ Moving Average
1. ใช้เป็นเส้นแนวรับแนวต้านได้
2. ใช้เพื่อดูแนวโน้ม
3. ใช้ Confirm สัญญาณการเข้าออก
Moving Average ที่่ใช้กันทั่วไป ใช้ แบบ Simple และ Exponential  เรียกสั้นๆ ว่า SMA และ EMA
ผมจะยกตัวอย่าง Moving Average ที่ผมใช้ในการเกร็งกำไรนะครับ
Moving Averageที่ผมใช้เป็น แบบ Exponential  มีค่า Period  5 , 21 ,  55 , 110 และ 200 วัน   ทำไมผมจึงเลือกใช้ Exponential ก็เพราะว่า EMA จะให้ค่าที่แม่นตรงกว่า SMA
เรามาดูวิธีการใช้กันเลย
1 . ใช้เพื่อดูแนวรับแนวต้าน(Support And Resistance)
การดูแนวรับแนวต้านเราจะดูที่ช่วงเวลา( Time Frame ) ใหญ่ๆ เพราะที่ช่วง TF ใหญ่ๆจะให้ค่าที่ค่อนข้างแม่นพอสมควร
เมื่อราคาวิ่งผ่าน EMA ไปแล้ว โดยส่วนใหญ่ มันจะวิ่งกลับมาหาเส้นที่มันทะลุอีกครั้งเพื่อทดสอบแนวรับแนวต้าน
ดูรูปประกอบด้านล่าง
จากรูปด้านบน เป็นกราฟ  Daily ของ USD/JPY
สีน้ำเงิน เป็น เส้น EMA  5
สีแดง    เป็น เส้น EMA 21
สีดำ      เป็น เส้น EMA 55
สีส้ม      เป็น เส้น EMA 110
สีน้ำตาลเป็น เส้น EMA 200
จากรูปด้านบนเราจะเห็นว่า เมื่อราคาได้ทะลุเส้น EMA แล้วมักจะกลับมาทดสอบอีกครั้ง ลองดูง่ายๆนะครับ เราจะเห็นกราฟ ยูเจ เป็นช่วงขาลง
และราคาได้ปรับตัวขึ้นไป เส้นแนวต้านเส้นแรกก็คือ EMA 5 ถ้าทะลุ เส้นนี้ก็ไป EMA 21 ถ้าทะลุ 21 ก็ไปหาเส้น 55 ถ้าทะลุก็ไปต่อเรื่อยๆ
เส้น EMA 200 จะเป็นแนวรับแนวต้านที่แข็งแกร่งมาก ถ้าทะลุไปก็คือเปลี่ยนแนวโน้มทันที ห้ามสวนเทรน เราอาจจะใช้ เส้น EMA 200 เพื่อบอกเทรนก็ได้
เราสามารถประยุกต์ EMA นี้ ได้กับ ทุก Time Frame  เพื่อทำกำไรในตลาดฟอเร็ก

2. เราจะใช้ EMA เพื่อบอกแนวโน้ม ดังรูปด้านล่าง
EMA สามารถบอกแนวโน้มเราได้ ว่าขณะนี้เป็น เทรนขึ้นหรือลง  
แนวโน้มขั้น ( Up Trend) จะเป็นแนวโน้มขึ้นก็ต่อเมื่อ ราคาได้ทะลุ  EMA ทุกเส้นขึ้นไปทั้งหมด และราคาปิดสามารถอยู่เหนือ EMA 
(การดูแนวโน้ม ให้ดูที่กราฟ สี่ชั่วโมงขึ้นไป เพราะกราฟใหญ่ๆจะไม่หลอกเรา )
แนวโน้มลง (Down Trend ) จะเป็นแนวโน้มลงก็ต่อเมื่อ ราคาได้ทะลุ EMA ทุกเส้นลงมาทั้งหมด และราคาปิดอยู่ใต้เส้น EMA 

3.ใช้ Confirm สัญญาณการเข้า-ออก เราสามารถใช้ EMA ในการซื้อขาย ได้ หลักการดูก็คือ ดูการตัดกันของ EMA   โดยเริ่มจาก EMA ที่มีค่าน้อยตัด EMA ค่ามาก
เช่น EMA 5 ตัดกับ EMA 20  ตัดขึ้นไป เราก็เข้าซื้อ BUY/LONG หรือ EMA 5 ตัดกับ EMA 20  ตัดลงมาก เราก็เข้าขาย Sell/Short  ดูตัวอย่างจากรูปด้านล่าง
จากรูป ดูที่ขอบด้านซ้าย EMA 5 เริ่มตัด เส้นEMA 21 นั้นเป็นสัญญาณบอกแล้วว่า แนวโน้มได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว และ เส้น EMA 5 ก็ทะลุเส้น EMA 21 , 55 ,100 ,200 
เราก็คาดการณ์ได้เลย ว่าเป็นแนวโน้มลงแน่นอน สังเกตุที่แท่งเทียน แท่งเทียนได้ทะลุ EMA 5 ลงมาแล้ว และมันก็กลับไปเทสที่ตัวมันเองอีกครั้งแต่ไม่ผ่าน แล้ว
ราคาก็ไต่ระดับลงมาอีกแล้วก็กลับไปทดสอบเส้น EMA 5 และ EMA 21 กราฟแบบนี้สวยมาก เป็นการลงต่อเนื่อง ไม่สามารถทะลุ EMA ที่มีค่าน้อยๆไปได้ นั่นหมายความว่า 
ราคายังจะลงต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเส้น EMA 5 จะทะลุเส้น EMA 21 ขึ้นไป เราจึงมองว่ามันเป็นขาขึ้น อย่าสวนเทรนกันเด็ดขาด 

เมื่อเรารู้แล้วว่าแนวโน้มใหญ่ไปทางไหน ขึ้นหรือลง เราก็มามองหาราคาที่เราจะเปิดออเดอร์ เราควรหาราคาเข้าที่ Time Frame เล็กๆ 
เมื่อแนวโน้มของ Time Frame เล็กๆ ตรงกับ แนวโน้มของ Time Frame ใหญ่ เราจึงเปิดออเดอร์ ... ขอให้ทุกท่านโชคดี ครับ 




เปิดบัญชี Instaforex

ขั้นตอนการเปิดบัญชี Exness



โบรคเกอร์ กึ่ง ECN นะครับ ฝากถอนรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มเทรดใหม่ๆ ขึ้นต่ำ $1 ที่บัญชีแบบ Cent และ $10 ที่บัญชีแบบ Mini

1. คลิ๊กที่ แบนเนอร์

 2. ทำตามรูปเลยนะครับ
3. เลือกประเภทบัญชี
4. กรอกรายละเอียด (เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น)
หลังจากนั้น ทางExness จะส่งรหัสการยืนยันมาให้ทาง อีเมล และมือถือ เพื่อทำการยืนยันบัญชี(สามารถยืนยันภายหลังได้

5. นำรหัสที่ได้มาทำการกรอกยืนยัน
6. เลือกระดับความปลอดภัยในการถอนเิงิน ในรูปเลือกส่งรหัสผ่านทางอีเมล(ทางมือถือบางครั้งระบบส่งช้า)
7. สร้างพาสเวิดต่างๆของบัญชี
8. นะพาสเวิดที่สร้างไว้มาทำการ Login เข้าบัญชีเรา
9. เสร็จสิ้นขั้นตอนการเปิดบัญชี
10. เมนูต่างๆ ที่จำเป็นในหน้าบัญชี








การใช้งานโปรแกรม MT4


การใช้งานโปรแกรม MT4 


 แถบสีเหลือง (นับจากซ้ายไปขวา) 
- Market Watch คือ  เป็นตารางของค่าเงินแต่ละคู่
* สามารถคลิ๊กขวาที่ค่าเงินที่เราต้องการทราบ จะปรากฎเมนูขึ้นมา ให้เราเลือกที่ Chart Window กราฟของค่าเงินนั้นๆ ก็จะปรากฎทางด้านขวา เราสามารถกดปุ่ม  Delete เพื่อซ่อนค่าเงินที่เราไม่ต้องการทราบได้ และ Tick Chart เป็นกราฟย่อย เพื่อดูการซื้อขายแบบวินาที *
- Data Window คือ ข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ของราคาในแต่ละแท่ง (สามารถลากมาไว้รวมกันกับช่อง Market Watch ได้ ดังภาพ)
       
- Navigator คือ อินดิเคเตอร์ต่างๆ ที่ช่วยวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค (กดที่ icon >>> เลือกอินดิเคเตอร์โดยการ Double Click >>> กด OK)
* สามารถลากอินดิเคเตอร์มารวมเป็นช่องเดียวกันได้ครับ เช่น Relative Strenght Index (RSI) รวมกับ Willam's Percent Range (%R) เป็นต้น *
- Terminal คือ ข้อมูลของ จำนวนเงินฝาก ข้อมูลการเทรด ประวัติการเทรดที่ผ่านมา เป็นต้น 
* ช่อง Trade เป็นข้อมูลปัจจุบันที่ยังมีการเปิด position อยู่ และ รอการปิด position 
* ช่อง Account History เป็นข้อมูลของ position ที่เราปิดเรียบร้อยแล้ว สามารถคลิ๊กขวาเพื่อดูรายงานย้อนหลัง และ ทำการเซฟข้อมูลได้

แถบสีแดง (นับจากซ้ายไปขวา) 
- Bar Chart เลือกกราฟให้แสดงผลแบบแท่งบาร์ 
- Candlesticks เลือกกราฟให้แสดงผลแบบแท่งเทียน 
- Line Chart เลือกให้กราฟแสดงผลแบบเส้น 
- Zoon In เป็นการส่องขยายเข้าไปในกราฟ เพื่อโฟกัสตำแหน่งที่เราต้องการ
- Zoom Out เป็นการส่องขยายออกมาเพื่อดูกราฟในมุมกว้างๆ หรือ ดูแนวโน้มของตลาด 
- Auto Scroll เป็นการกำหนดให้กราฟเลื่อนอัตโนมัติ 
- Chart Shift เป็นการเลื่อนกราฟมาทางด้านซ้าย ไม่ให้ติดขอบขวาของจอภาพ 
- Templates เมื่อเราได้ติดตั้ง indicators ต่างๆ ในกราฟเสร็จเรียบร้อย สามารถทำการ Save, Load, และ Remove ข้อมูลจากไอคอนนี้
*หากเราทำการ Save ด้วยคำว่า "default" จะเป็นการกำหนดค่า Templates ให้เป็นค่าเริ่มต้นของทุกกราฟ*

แถบเขียว (นับจากซ้ายไปขวา) 
- Vertical Line เป็นเ้ส้นแนวตั้ง เพื่อตรวจสอบ "เวลา" ของกราฟในแต่ละแท่ง
- Horizontal Line เป็นเส้นแนวนอน เพื่อตรวจสอบ "ราคา" ของกราฟในแต่ละแท่ง
- TrendLine เป็นเส้นตรงที่ลากไปจุด 2 จุด (L1, L2 - H1, H2)
- Equidistant Channel เป็นเส้นตรง 2 เส้น เพื่อกำหนดกรอบของราคา
- Fibonacci Retracement เป็นเส้นแนวรับและแนวต้านที่เป็นอัตราส่วนตามกฎของ Fibonacci (ลากจากจุดสูงสุดไปต่ำสุด หรือ ต่ำสุดไปสูงสุด)
- M1 , M5, M15, M30, H1, H4, D1, W1, MN เป็นการกำหนดให้กราฟแสดงผลใน "แต่ละแท่ง" เป็นแบบใด ตั้งแต่ 1 นาที จนถึง 1 เดือน
* เส้นต่างๆ ในแถบสีชมพู สามารถปรับแต่งได้ โดยการ Double Click ที่เส้น >>> กดคลิ๊กขวาที่เส้น >>> เลือก Properties แล้วกำหนดค่า Common, Parameters *
* ในส่วนของ Fibonacci Retracement ควรเพิ่มเส้นเข้าไปอีก 2 เส้นคือ78.6% และ 127.2% *
* Level (0.786), Description (78.6 @%$) *
* Level (1.272), Description (127.2 @%$) *
(ในช่อง Description ให้พิมพ์ @%$ เพิ่มลงไป เพื่อจะให้มีการแสดงระดับราคาของเส้น Fibonacci ด้วย)

แถบสีน้ำเงิน (นับจากซ้ายไปขวา) 
- MetaEditor เป็นการเขียนโปรแกรม MQ4 เพื่อช่วยในการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค
- Expert Advisors เป็นการเปิดให้เครื่องทำการซื้อขายอัตโนมัติ เมื่อมีการเข้าเงื่อนไขตามโปรแกรมที่เขียนขึ้นจาก MetaEditor
*** เราสามารถคลิ๊กขวาที่ตัวกราฟ และเข้าไปที่ Properties เพื่อปรับแต่ง Color และ Common ได้ด้วยเช่นกัน ***
*** คีย์ลัด F1 - F12, Ctrl + (ตัวอักษร), Alt + (ตัวอักษร) หากนำมาใช้จะช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้นมากครับ ***

ขั้นตอนการเพิ่ม Indicator ให้กับโปรแกรม MetaTrader 4
1. นำไฟล์ *.mq4 ไปไว้ใน C:\Program Files\MetaTrader - FX Clearing\experts\indicators
2. ทำการ Compile ไฟล์ *.mq4 โดยการ Double Click ที่ไฟล์นั้น แล้วกด F5
3. สามารถเลือกใช้งานได้ที่ Custom Indicator

* ขั้นตอนการซื้อ-ขายในแบบปกติ MetaTrader 4 *
สามารถซื้อ-ขาย โดยการ Double Click ที่ค่าเงินที่ต้องการ แล้วทำการ Buy หรือ Sell
เมื่อเราเปิด position สามารถ Double Click ที่ Order ตรงช่อง Price (ปิดการขาย), S/L (ปรับ Stop-Loss), T/P (ปรับ Target) ได้
สามารถคลิ๊กขวาที่ Order เพื่อปรับแต่งค่า หรือ ใช้ระบบ Trailing Stop ช่วยในการขยับ S/L อัตโนมัติได้

* การตั้งการซื้อ-ขาย ล่วงหน้า *
Type : Instant Execution (ซื้อในราคาปัจจุบัน) เปลี่ยนเป็น Pending Order (ตั้งราคาซื้อ-ขาย)
Buy Limit คือ การตั้งเปิด position ในจุดที่ "ต่ำกว่า" ราคาซื้อในปัจจุบัน
Buy Stop คือ การตั้งเปิด position ในจุดที่ "สูงกว่า" ราคาซื้อในปัจจุบัน
Sell Limit คือ การตั้งเปิด position ในจุดที่ "สูงกว่า" ราคาขายในปัจจุบัน
Sell Stop คือ การตั้งเปิด position ในจุดที่ "ต่ำกว่า" ราคาขายในปัจจุบัน



บทความการลงทุน



เปิดสิ่งใหม่ๆ ธรรมชาติเกร็ดความรู้ มุมมองนักลงทุนต่างๆ แล้วมาเล่าให้ฟัง

หลายๆ คนคงอาจจะไม่เคย สังเกตุ วัฐจักร(cycle)ตลาด จาก อดีต--->สู่ปัจจุบัน แปลกที่ทำไมบางครั้ง เดือนนั่นๆวิ่งดีมาตลอด(มีแนวโน้ม) เดือนนี้วิ่งแย่มาตลอด(เกิด sideway) ตลาดเปลื่อนแปลงไปหมด
ตลาด forex เปลื่อนธรรมชาติ จากอดีต ย้อนไป 3-5 ปี ก่อนนี้ ค่าเงินคู่หลัก E/u G/u เคยวิ่งตามตามกันอย่างกับเพื่อนรัก นักลงทุนก็จะรู้ทันที u/ch u/j จะต้องวิ่งสวนตรงข้ามกันทันที แต่ปัจจุบันธรรมชาติ
ค่าเงินเปลื่อนไปหมด ค่าเงินแต่ละคู่ กลายเป็นการขึ้นกับตัวเอง(ไม่ไปตามกันเป็นขบวนหลายๆค่าเงิน) หลักการจับว่า ตัวนี้ ขึ้น อีกตัวต้องตรงข้าม กลับกลายเป็นใช้ไม่ได้ผล เมื่อเรารู้ว่าธรรมชาติเปลื่อนเราก็ต้องปรับตัวให้ทันสมัยเหมือนธรรมชาติของ ตลาดปัจจุบัน

แล้วหลักการ หนึ่งเดือน มี 4 สัปดาห์ มักจะเล่นง่ายกลางเดือนไปแล้วเริ่มเปลื่อน ปัจจุบันกลายเป็นเล่นง่ายช่วงปลายเดือนถึงต้นเดือน    จาก 1 สัปดาห์ กราฟเล่นง่ายอย่างน้อย 3 วันไม่โยกเป็นเป็นฟันปลากลับกลายเป็นใน 1 สัปดาห์เล่น ง่ายแค่ วันถึงสองวัน

อดีตค่าเงินสกุลหลักๆ e/u g/u  u/ch e/j  เคยวิ่งต่ำๆ ระดับ 60-120 จุด เสมอๆแม้แต่ g/u บางวันวิ่งถึง 200 จุด มาถึงปัจจุบันธรรมชาติเปลื่อนไปหมดแล้ววิ่งน้อยลงไปเยอะมาก เฉลี่ย 25-100 จุด ต่อวัน

เมื่อนิสัยธรรมชาติเปลื่อนเราก็ต้องปรับรูปแบบตามธรรมชาติ



รูป1 กราฟ วัน ของ e/u มองจาก อดีตมาสู่ปัจจุบัน
รูป 1.1 และ 1.2 เปรียบเทียบและความยากง่ายในรอบสัปดาห์
รูป 1.3 และ 1.4  เปรียบเทียบ การกินเวลานานๆของช่วง สวิง และการเกิดแนวโน้มมักจะใช้เวลาไม่นาน


จะเห็นว่าการสังเกตุตลาดทำให้มองเห็นว่า นักลงทุนกำลังทำอะไร
สิ่ง ที่มองเห็นเลยคือ ช่วงเวลา มักเกิดเป็น รอบๆเสมอ ไม่ว่าจะมีแนวโน้มหรือช่วง sideway เกิดและดับ เกิดดับๆ จบเป็นรอบไป เกิดขึ้นตั้งอยู่จนหมดรอบ(ดับไป)แล้วเกิดขึ้นใหม่ เสมอๆ
ช่วงกรอบแคบๆ หรือช่วง sideway บอกได้ถึง นักลงทุนย้ายเงินลงทุนไปตลาดไหน(อันนี้ต้องติดตามข่าว มองมุมกว้างเพื่อรู้การเปลื่อนแปลงของตลาด) สาเหตุที่เกิดกับตลาดช่วงนี้ คือ เม็ดเงินในตลาดน้อย นักลงทุนจึงหนีไปลงทุนตลาดอื่น ก็บอกได้ถึงการมาเป็นรอบๆและไปเป็นรอบๆ
สังเกตุเห็นระดับของความนานไม่ไป ไหน sideway(ช่วงมีของติดมือและมักจะขาดทุน) และระดับความง่ายของแนวโน้ม(ช่วงทำกำไร)มักใช้เวลาเร็วและสั้น แสดงว่า ตลาดให้บทสรุปแล้วว่า ความยากมักใช้เวลายาวนานเพื่อหลอกนักลงทุนให้เล่นถี่ๆแต่เมื่อตลาดง่ายจะใช้ เวลาไม่นานเพื่อในนักลงทุนติดใจ




ส่งท้ายด้วย Jesse Livermore นักเก็งกำไรบันลือโลก
   โดย โลกในมุมมองของ VALUE INVESTOR ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
    bangkokbiznews

ในโลกของ Value Investor นั้น ทุกคนรู้จักและนับถือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ว่าเป็นนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
แต่ ในโลกของนักเก็งกำไรนั้น ชื่อของ Jesse Livermore ได้ รับการยอมรับว่าเป็นตำนานของนักเก็งกำไรที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเคียงบ่าเคียง ไหล่กับคนอย่าง Bernard Baruch และ Gerald Loeb  ว่าที่จริง บางคนบอกว่าเขาเป็นนักเก็งกำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ฉายาของเขาคือ "หมีใหญ่แห่งวอลล์สตรีท" เพราะเขาชอบเก็งกำไรโดยเฉพาะในช่วงตลาด "ขาลง" นั่นคือ เขาจะชอร์ตหุ้นและ/หรือสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้า  ชีวิตและหลักการเก็งกำไรของ ลิเวอร์มอร์นั้นน่าสนใจไม่เฉพาะแต่นักเก็งกำไร  Value Investor ก็ควรจะรู้ไว้

ลิเวอร์มอร์ หรือที่คนชอบเรียกเขาว่า  J.L. เกิดในครอบครัวชาวไร่ที่ยากจน  เขาเรียนจบแค่มัธยมและต้องออกมาทำงานตั้งแต่อายุ 14 ปี งานแรกและน่าจะเรียกว่าเป็นงานแบบเดียวในชีวิตก็คือ เป็นเด็ก "เคาะกระดานหุ้น" หลังจากนั้นเพียงปีเดียว เขาก็เริ่ม "เล่นหุ้น"  แต่เนื่องจากมีเงินน้อย เขาจึงเริ่มเล่นตาม "ห้องค้าเถื่อน"  ที่รับ "แทงหุ้น" โดยอิงกับราคาหุ้นบนกระดาน เขาเล่นเก่งมากและทำกำไร จนทำให้ห้องค้าเถื่อนเกือบทุกแห่ง "แบล็กลิสต์"  ไม่ให้เขาเข้าเล่นในห้องค้า  ในที่สุดเขาก็เข้าสู่ตลาดหุ้นและเริ่มชีวิตของนักเก็งกำไรเต็มตัว


J.L. ทำเงินจากตลาดหุ้นได้มากและ "เจ๊ง" หมดตัวถึงสองครั้งก่อนที่จะกลายเป็น "ซูเปอร์สตาร์" หลังเหตุการณ์วิกฤติตลาดหุ้นในปี 1907 เหตุการณ์หุ้นถล่มทลายในครั้งนั้น  J.L. ได้ขายหุ้นชอร์ตไว้จำนวนมาก ยิ่งหุ้นตก เขาก็ยิ่งขาย และทำให้หุ้นตกลงไปอีก  การขายหุ้นชอร์ตของเขาทำได้มากขึ้นเรื่อย ๆ  เนื่องจากเมื่อหุ้นตก  พอร์ตเขาก็ได้กำไร ซึ่งก็จะทำให้เขามีวงเงินใช้มาร์จินเพิ่มขึ้นอีก เขาขายชอร์ตมากเสียจนทำให้ J. P. Morgan ประธานบริษัทหลักทรัพย์ยักษ์ใหญ่  และเป็น "จ้าวพ่อตลาดหุ้น" ในช่วงนั้นต้องออกมาขอให้เขาหยุดขาย เพราะมิฉะนั้น ตลาดหลักทรัพย์อาจจะต้อง "ล่มสลาย" เนื่องจากสถาบันการเงินต่างก็ขาดสภาพคล่องอันเป็นผลจากการที่หุ้นตกลงมา อย่างหนัก

หลังจากเหตุการณ์วิกฤติตลาดหุ้นปี 1907  J.L. ก็ร่ำรวยและกลายเป็น "เซเลบ" เขาใช้ชีวิตหรูหราสุดๆ เขาซื้อเรือยอชท์หรูหราไว้ใช้ท่องเที่ยวและจับปลาในทะเล ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่เขารัก เขาจีบและแต่งงานกับผู้หญิงโดยใช้ชีวิตแบบ "เพลย์บอย" เขาคบกับคนชั้นสูงเช่น Alfred Sloan ประธานบริษัท General Motor ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในยุคนั้น  Walter Chrysler แห่งบริษัทรถยนต์ใหญ่ Chrysler และดาราตลกดังอย่าง ชาร์ลี แชปลิน เป็นต้น

วิกฤติตลาดหุ้น ปี 1929 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่  J.L. ทำกำไรได้มากมายจากการชอร์ตหุ้นในตลาด เขาผ่านวิกฤติมาพร้อมกับเงินนับ 100 ล้านดอลลาร์ และนี่เป็นความรุ่งโรจน์ครั้งสุดท้ายของชีวิตเขา เพราะหลังจากนั้นเขาก็เริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ ทั้งชีวิตการเก็งกำไรและชีวิตส่วนตัว

ในชีวิตของการเก็งกำไรนั้น  เขาเคยล้มละลายมา 2 ครั้งและสามารถฟื้นขึ้นมาได้  แต่ในครั้งนี้  เขา "หมดตัว" มีหนี้มากกว่าทรัพย์สิน ในชีวิตส่วนตัวนั้น เขาเคยมีภรรยาหลายคน แต่ละคนใช้เงินที่เขาได้กำไรมาอย่างฟุ่มเฟือยเช่นเดียวกับตัวเขา ภรรยาคนหนึ่งมีเรื่องขนาดยิงลูกตัวเองเกือบเสียชีวิต  ตัว J.L. เองนั้น เขามีปัญหาและน่าจะเป็นโรคซึมเศร้า เขายิงตัวตายในวันที่ 28 พฤศจิกายน 1940 สิริอายุ 63 ปี

กฎและกลยุทธ์การเก็งกำไรของ J.L. นั้นสามารถสรุปอย่างย่อๆ ได้ดังต่อไปนี้
 1. อย่าขาดทุน  นักเก็งกำไรที่ไม่มีเงินก็เหมือนกับเจ้าของร้านที่ไม่มีสินค้าอยู่ในสต็อก  ดังนั้นถ้าคุณไม่มีเงิน คุณก็จะไม่มีธุรกิจ   เก็งกำไรไม่ได้  J.L. บอกว่าการซื้อหุ้นเต็มจำนวนในคราวเดียวที่ราคาเดียวนั้นอันตราย  คุณควรทยอยซื้อเมื่อแน่ใจว่าสิ่งที่คิดไว้ถูกต้อง  ตัวอย่างเช่น  ถ้าคุณต้องการซื้อ 1000 หุ้น  คุณควรจะเริ่มที่ 200 หุ้น  ซื้อแล้วดูว่าราคาขึ้นหรือไม่  ถ้าใช่ ทยอยซื้อเพิ่มอีก 200 หุ้น แล้วก็รอดูว่าขึ้นไหม  ถ้าใช่ก็ซื้ออีก 200 หุ้น และถ้าขึ้นอีก  คราวนี้ให้ซื้อไปอีก 400 หุ้นจนเต็ม 1000 หุ้น  สรุปก็คือ  ทยอยซื้อเมื่อราคาขึ้น  ห้ามซื้อเฉลี่ยเมื่อหุ้นลง

2. กำหนดจุดตัดขาดทุน  ถ้าซื้อหุ้นแล้วขาดทุน  ต้องกำหนดว่าจะยอมขาดทุนได้ไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์  สำหรับเขาจะไม่ยอมให้ขาดทุนเกิน 10% เพราะเขาคิดว่าเวลาขาดทุนนั้น  การจะเอาทุนคืนได้จะต้องกำไรมากกว่าเปอร์เซ็นต์ที่ขาดทุนจึงจะเสมอตัว  เช่น  ถ้าขาดทุน 50% กว่าจะคืนทุนก็ต้องกำไร 100%  อีกอย่างก็คือ  ถ้าซื้อแล้วหุ้นลงแสดงว่าสิ่งที่คุณคิดไว้คงผิด  อย่าไปฝืนกระแส  ตัดขาดทุนเสียแล้วไปเล่นตัวใหม่เมื่อเห็นโอกาส

3. จะต้องมีเงินสดสำรองเสมอ  เงินสดนี้จะมีความสำคัญมากเมื่อถึงจุดที่โอกาสในการเก็งกำไรเปิด  และเมื่อมีโอกาสดี  เราก็จะต้อง "อัด" หรือลงเงินให้เต็มที่  J.L. เชื่อว่าคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนตลอดเวลาและไม่ควรลงตลอดเวลา  จะเล่นต่อเมื่อมีโอกาสเท่านั้น

4. อย่ารีบทำกำไร  หรือ Let Profit Run นั่นคือ  ถ้าหุ้นยังวิ่งไปเรื่อยๆ  อย่ารีบขายเสียก่อน  ตรงกันข้าม  ถ้าซื้อหุ้นแล้วขาดทุน  หุ้นตกลงไปเร็ว  อย่ารอหรือพยายามหาเหตุผลที่มันตก  ต้องรีบขายทันที  เขาบอกว่า "กำไรดูแลตัวมันเองได้  แต่ขาดทุนไม่เคย" อย่างไรก็ตาม  การ Let Profit Run ไม่ได้แปลว่าซื้อแล้วถือแบบนักลงทุน  เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องขาย

5. เมื่อได้กำไรต้องเก็บเป็นเงินสด  เช่น  ถ้าได้กำไรมาร้อยดอลลาร์ ก็ต้องเก็บเป็นเงินสดไว้ในแบงก์  50 ดอลลาร์ อย่าจมอยู่ในหุ้นหรือไปเล่นต่อทั้งหมด  นี่ก็เหมือนกับเวลาเล่นไพ่  ถ้าได้กำไรก็เก็บเงินเข้ากระเป๋าเอาทุนคืนมาก่อน  และนี่ก็เป็นกฎที่ J.L. บอกว่าตนเองผิดพลาดที่ไม่ได้ทำเท่าที่ควร  ทำให้เงินที่ได้มามากๆ  ในที่สุดก็เสียคืนกลับไปหมด และทั้งหมดนั้นก็คือชีวิตและหลักการเก็งกำไรของ ลิเวอร์มอร์ แบบย่อที่สุด ในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่นั้น  ชื่อของเขาดูเหมือนจะร้อนแรงและเป็นที่กล่าวขวัญถึงเสมอแม้ว่าโดยธรรมชาติ ของเขาแล้ว  เขาเป็นคนที่เก็บตัวและทำตัวลึกลับ

การใช้ชีวิตและแนว ความคิดในการลงทุนของ J.L. นั้น  Value Investor หลายคนอาจจะไม่เห็นด้วยและไม่เชื่อว่ามันเป็นหลักการที่ถูกต้อง  อย่างไรก็ตาม  การศึกษาทำความเข้าใจนั้น  ผมคิดว่ามีประโยชน์ไม่น้อย  เหนือสิ่งอื่นใด  VI  กับนักเก็งกำไรนั้น ต่างก็เล่นอยู่ในตลาดเดียวกัน บางครั้งก็เล่นหุ้นตัวเดียวกัน  เส้นแบ่งระหว่างนักเก็งกำไรกับ VI นั้น บางทีก็บางมากจนในบางครั้งเราก็อาจจะไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น  เราเก็งกำไรหรือลงทุนกันแน่


 ** ขอโทษที่ไม่ลงเครดิต จำไม่ได้จริงๆว่าได้มาจากที่ไหน ใครรู้ช่วยแจ้งด้วยนะครับ

Forex คือ ?


Forex คือ

ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากล Foreign Exchange Market เรียกโดยย่อว่า FOREX  หรือ Retail forex” หรือ FX หรือ Spot FX หรือเพียงแค่ Spot เป็นสถาบันตลาดการเงินที่ใหญ่สุดในโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายเกิน 4 ล้านล้านเหรียญต่อวัน ถ้าเราเปรียบกับ 25 ล้านเหรียญ ต่อวัน ของปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นิวยอร์ค คุณจะเห็นความมหึมาของตลาดเงินตราสากล ความจริงแล้วมันก็ประมาณ 3 เท่าของตลาดหุ้นทุกชนิดในโลกรวมกัน นี่คือความยิ่งใหญ่ของ Forex




คนไทยส่วนใหญ่ เข้าใจคำว่า Forex ผิดไป ส่วนมาก เมื่อเอ่ยถึง Forex จะมีภาพพจน์ไปทางทางฟอกเงิน ก็เพราะด้วยเหตุที่ว่า Forex เป็นแหล่งเงินที่มีความคล่องตัวสูงมาก จึงทำให้สิบแปดมงกุฏทั้งหลาย นิยมอ้างถึงในการชวนระดมทุนว่านำไปทำกำไรในตลาดฟอเร็กซ์ หากอ่านต่ออีกไม่กี่นาทีข้างหน้าคุณจะมองเห็นภาพของฟอเร็กซ์กระจ่างขึ้น


ใช้อะไรในการค้าเงินตรา


คำ ตอบที่ง่ายที่สุดก็คือ เงิน ตลาด ฟอเรกซ์ เป็นตลาดที่ทำการซื้อหนึ่งสกุลและขายอีกหนึ่งสกุลได้ในทันที สกุลค้าขายโดยผ่ายตัวแทน โบรกเกอร์ (Broker) หรือ ตัวแทน (Dealer) และซื้อขายกันเป็นคู่ต่างสกุลเงิน ยกตัวอย่างเช่น เงินดอล์ล่ายูโร กับ ดอล์ล่าอเมริกา หรือ เงินปอนด์อังกฤษ กับ เงิน เยน ญี่ปุ่น


เป็น เพราะว่าคุณไม่ได้ซื้อสิ่งของที่จับต้องได้ การค้าชนิดนี้อาจจะเข้ายากสักนิด อาจคิดเหมือนกับว่าการซื้อสกุลเงินเป็นการซื้อหุ้นของประเทศนั้น ๆ เมื่อคุณซื้อเงิน เยน ญี่ปุ่นเท่ากับคุณซื้อหุ้นเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น เพราะค่าของสกุลเงินของประเทศญี่ปุ่น เป็นผลสืบเนื่องโดยตรง ที่ตลาดเล็งถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตของประเทศญี่ปุ่น


โดย ทั่วไปแล้วอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่ออีกสกุลเงินหนึ่ง สะท้อนถึงสถานภาพของเศรษฐกิจของประเทศนั้น เปรียบเทียบ กับอีกประเทศหนึ่ง
ไม่ เหมือนตลาดหุ้น (Stock Market) ของนิวยอร์ค ตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีสถานที่ตั้งหรือศูนย์กลาง หรือสำนักงานใหญ่ เหมือนตลาดหุ้นอื่น ตลาดฟอเรกซ์ ถูกจัดอยู่ในประเภท Over the Counter (OTC) หรือ ธนาคาร “Interbank” ด้วยความจริงที่ว่าตลาดทั้งหมดเดินด้วยการสื่อสารอีเลคทรดนิค ภายในเครือข่ายของธนาคารๆ ตลอด 24 ชั่วโมง


ก่อน ปี ค.ศ. 1990 เฉพราะเศรษฐี และ องค์กรใหญ่ ๆ เท่านั้น ที่สามารคเข้าเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ นี้ได้ คุณสมบัติขั้นต่ำคือคุณต้องมี 50,000,000.– (ห้าสิบล้าน) เหรียญสหรัฐ เพื่อเริ่มต้นที่จะเข้าทำการเทรด แรกทีเดียว ตลาดฟอเรกซ์ ถูกจัดให้เป็นตลาดที่ใช้โดยธนาคาร และ องค์กรใหญ่ ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีไว้ให้พวกเราเข้าเทรดเล่นๆหรอกนะ อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าทางอินเตอร์เนท การเทรดฟอเรกซ์ได้ถูกจัดโดยเอเยนซี่ต่างๆ ให้เข้าทำการเทรดได้ ด้วยบัญชีรายย่อย สำหรับพวกเรา ๆ ท่าน ๆ






Spote Market คืออะไร ? ตลาดสปอตมาร์เกต ก็คือตลาดที่ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินตามราคาปัจจุบัน Forex จัดอยู่ในประเภท สปอตมาร์เกต เพราะใช้ค่าของตัวเงินในการเทรดนั่นคือเงิน ต่างจาก Future Market ที่เราได้ยินกันในประเภทซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี่สื่อสารที่ทันสมัย ทำให้ Spote Market ได้รับความนิยม เหนือ Futrue Market แบบ ขาดลอย เพราะผู้เทรดใน Future Market จำต้องพิจารณาควบถึงอุปสงค์ของสินค้าเกษตร รวมทั้งแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตด้วย ซึ่งนับวันจะได้รับความนิยมน้อยลง การทำการซื้อขายฟอร์เรกซ์ ผู้เทรดคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่งคง มั่งคั่งของประเทศที่เลือกเทรดและประเทศคู่ค้า จะเห็นว่าการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า Future Market ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยนี้เช่นกัน และอีกยังคำนึงถึงปัจจัยนี้เช่นกัน และอีกยังต้องคำนึงถึงอุปสงค์ของสินค้านั้น ๆ อีกด้วย การวิเคราะห์แนวโน้มราคาของสินค้าเกษตรจึงดูเหมือนกับไม่ใช่เป็นของหมู ๆ เลย Future Market จำถูกจำกัดอยู่เฉพราะในวงการพ่อค้าคนกลางของสินค้านั้น ๆ
ตลาด ฟอร์เร็กซ์ (OTC) over the counter
ฟอร์เร็กซ์ OTC ว่าไปแล้วเป็นตลาดเทรดเงิน ที่ใหญ่และป๊อปปูล่าที่สุดในโลก 
ทำ การเทรดโดยบุคล และ องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก ในตลาด หน้าเค้าเตอร์ (OTC) สมาชิกผู้เทรดตัดสินใจว่าจะเทรดสกุลเงินไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความน่าเชื่อถือ ของราคา และประวัติ ของสุกลนั้นต่ออีกสกุลหนึ่ง
ผัง แสดงค่านิยม ของผู้เทรด ต่อสกุลเงิน แสดงว่า เงินดอล์ล เป็นเจ้าศูนย์กลางแห่งการเทรดของบรรดานักเทรดทั่วโลกถึง 89%ของการเทรดทั้งหมด ยูโรมาเป็นที่สอง และญี่ปุ่นมาเป็นที่สาม
ทำไมไม่ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ มาเทรดฟอร์เร็กซ์ทำไม
มี ผลประโยชน์นานัปการสำหรับการเทรดฟอร์เร็กซ์ ด้านล่างนี้เป็นเพียงเหตุผลบางส่วนที่ ทำไมคนส่วนใหญ่เลือกเทรด ฟอร์เร็กซ์ ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ไม่มีค่าเคลียริ่ง ไม่มีค่าแลกเปลี่ยน ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีค่าโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ได้ค่าตอบแทนจาก อัตราค่าต่างของราคาเสนอซื้อกับราคาเสนอขาย ที่เรียกว่า bid-ask sprade
ไม่ มีพ่อค้าคนกลาง การเทรดผ่านตลาดสปอต ทำให้ไม่สามารถมีพ่อค้าคนกลาง โดยที่คุณสามารถเทรดโดยตรงกับตลาดที่รับผิดชอบตามราคาที่กำหนดในชาร์ตอัตรา แลกเปลี่ยนคู่สกุลเงิน
ไม่จำกัดขนาดของ lot ในตลาดเทรดปัจจุบัน ขนาดของ lot มีขนาดต่างกัน ขนาดแสตนดาร์ด สำหรับเทรดซิลเวอร์คือ น้ำหนัก 5,000 ออนซ์ ในตลาดสปอตฟอร์เร็กซ์ คุณสามารถเลือกขนาดล๊อตได้เอง ทำให้ผู้เทรดสามารถเลือกล๊อตขนาดเล็กถึง 250 เหรียญ (อย่างไรก็ตามเราจะพูดถึงอีกทีว่า ขนาดล๊อต 250 เหรียญไม่ใช่ว่าดีX
ค่าเสปรดต่ำ ค่ารายการบัญชี (bid/ask spread) โดยทั่วไปจะต่ำกว่า 0.1 % ในสภาวะปกติ ดีลเลอร์ใหญ่ค่าเสปรดอาจต่ำเพียง .07% โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับขนาดของล๊อตที่คุณเลือก เราจะอธิบายในภายหลัง
ตลาด 24 ชั่วโมง ไม่มีการที่จะต้องรอที่ทำการเปิด จากเช้าตรู่วันจันทร์ยันเช้าตรู่วันศุกร์ตามเวลาบ้านเรา ตลาดฟอร์เร็กซ์ ไม่เคยหลับ ถ้าคุณเทรดพาร์ทไทม์ คุณสามารถเลือกที่จะ เทรด เวลาไหนก็ได้ เช้า สาย บ่าย เย็น หรือ ขณะที่คนอื่นกำลังฝันหวาน
ไม่สามารถปั่นตลาดได้ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินฟอร์เร็กซ์ ใหญ่โตมโหรถึกมากจนไม่มีเศรษฐีหรือองค์กรไหน ๆ (แม้กระทั่วเซนทรัลแบงค์) ก็ตาม สามารถที่จะตรึงราคาของสกุลเงินใด ๆ ไว้ได้เกินชั่วขณะ
Levelage เลเวลเลจ ในการเทรดฟอร์เร็กซ์ คือจำนวนมาร์ยิน หรือเครดิทที่คุณจะได้จากดีลเลอร์ เลเวลเลจเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถทำกำไรให้คุณได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ให้เลเวลเลจคุณในอัตรา 200 ต่ด 1 นั่นหมายความว่าคุณวางเงินเพียง 50 ดอล์ล คุณสามารถเทรดหรือซื้อขายได้ถึง 10,000 ดอล์ล ในทำนองเดียวกัน 500 เหรียญ ก็สามารถเทรดถึง 100,000 เหรียญ ตามสัดส่วน แต่เลเวลเลจ ก็คือดาบสองคมเช่นกัน หากปราศจากการจัดการเงินที่ดี อัตราเลเวลเลจที่สูงเกินอาจทำให้เสียหายมากพอกับที่จะได้กำไรเช่นกัน
แหล่งเงินที่คล่องตัวที่สุด เหตุที่ฟอร์เร็กซ์ ใหญ่โตมโหราฬมาก มันมีความคล่องของการหมุนเวียนเงินเช่นกัน นั่นหมายความว่า ภายใต้สถานการณ์ปกติ จากการแค่คลิ๊กเมาซ์ที่ปลายนิ้ว สามารถซื้อหรือขายได้ทันที คุณไม่ต้องรอจนกว่าจะมีคู่ซื้อเหมือนหุ้นสินทรบ้านเรา ที่บางครั้งต้องเทขายด่วนที่สุดแต่หาคนซื้อไม่ได้ เพราะมีแต่คนเทขาย อิอิ… นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งกำหนดการซื้อการขายบนหน้าจอ ตามราคาที่คุณต้องการและ ระบุราคาปิด หรือตั้งราคาจำกัดการขาดทุนได้อีกด้วย
เปิดบัญชี ดีโม ทดลองเล่นในสภาวะตลาดแท้จริงได้ฟรี มีข่าว ราคา และการวิเคราห์ พร้อมบนหน้าจอมอนนิเตอร์ในห้องทำงานหรือในบ้านอันสุขสบายของคุณ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ เสนอฟรีให้ท่านสามารถทดลองเทรดเหมือนจริง เพื่อเพิ่มทักษะ และความมั่นใจ ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังเวียนและเทรดด้วยเงินแท้ ๆ
บัญชีเทรด Mini และ Micro คุณอาจจะคิดว่าถ้าจะเริ่มเข้าเทรด อาจต้องใช้เงินเป็นตัน ความจริงแล้ว ถ้าเทียบกับการซื้อหุ้นอุตสาหกรรม ไม่ใช่เลย โบรกเกอร์ ออนไลน์ ของฟอร์เร็กซ์ มีการเสนอ บัญชี Micro และ Mini สำหรับผู้มีเบี้ยน้อยหอยน้อย ไม่กี่เหรียญก็เข้าเทรดได้ เราไม่ได้พูดว่าจะต้องมีเงินอย่างต่ำเท่าไหร่จึงสมควรที่จะเปิดบัญชเทรด แต่ข้อเสนอนี้ทำให้ ฟอร์เร็กซ์ สามารถเข้าถึงได้จากคนทั่วไปหรือจนกว่าทั่วไปซะอีก ที่ไม่มีเงินทุนเป็นก้อนเป็นกำที่จะเริ่มเทรด เหมือนหุ้นสินทรบ้านเรา
ต้อง มีเครื่องมืออะไรในการเริ่มเทรดฟอร์เร็กซ์
คอมพิวเตอร์ ซักเครื่องพร้อมไฮสปีดอินเตอร์เนท ซึ่งแทบทุกบ้านก็คงมีอยู่พร้อมแล้ว และข้อมูลในเวป แค่นั้นเอง
ต้องเสียเงินเท่าไหร่ที่จะเทรด ฟอร์เร็กซ์
เทรดออนไลน์ ไมโคร Micro อาจใช้เงินเพียงแค่ร้อย สองร้อย เหรียญก็พอแล้ว หรือเขยิบขึ้นอีกนิด คือ Mini Accounทั้งสองอย่างเหมาะที่จะใช้ในการเริ่มเทรด เข้าประลองยุทธเอาเหงื่อซักหน่อย ไม่ถึงกับทำให้ล่มจม จะเลือกอย่างไหนก็ตามแต่ ซักประมาณ พันเหรียญ หรือ หมื่นเหรียญสำหรับMini Account ก็น่าเหมาะที่จะเริ่มได้เลย… แต่ช้าก่อน หากคุณคุ้นเคยกับ เราสัก หน่อย คุณจะพบว่าเรามีเทคนิคมากมาย พร้อมเครื่องมือที่จะทำให้คุณโกยเงินจากอากาศได้อย่างสบาย ๆ ด้วยซ้ำ คุณอาจลืม MLM (มันหลอกมึง) ที่คุณเหนื่อยล้า สุดระอา กับมันแล้วก็ได้ นี่คือธุรกิจที่ไม่มีคูแข่ง คุณสามารถขายหรือปิดออเดอร์ ได้ทุกวินาทีที่คุณต้องการ ไม่ต้องมีโกดังใหญ่โตเพื่อเก็บสินค้าที่คุณซื้อ ไม่ต้องสู้กับค่าน้ำมันขนส่งสินค้าไปให้ลูกค้า ไม่กังวลว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก หรือม๊อบจะเคลื่อนขบวน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง






Credit:www.9professionaltrader.blogspot.com

EUR/USD

EUR/USD  ก่อนปิดตลาด


บทวิเคราะห์ค่าเงิน EUR



เป็นบทวิเคราะห์ ค่าเงิน EUR จากเว็บต่างประเทศนะครับ ลองแปลดูครับ

The Greek CDS meeting is well into Hour #4 and there is indication on when the announcement on the ISDA website will come.

The knee jerk reaction to triggering CDS will be euro selling and some risk aversion. It’s an open question about how braced the market is for such an outcome. CitiFX out earlier saying it’s only 50% priced in but I would put it at 90% so the reaction will probably be minimal, after the knee jerk. At most, this might knock some initial stops down to 1.3060/50 before the buyers bid it back up.

The market will then look for any secondary signs of forced selling i.e. a bank that’s not prepared for this outcome. This is an extremely low probability event, banks and funds should be prepared for this.

If CDS are not triggered there should be a small pop in the euro, but the secondary reaction will depend on the statement. ISDA could rule that it does not yet have enough info, reserve judgment until later or simply delay the verdict. If so, the initial move will quickly backtrack.

If CDS are not triggered and ISDA reports that the case is closed, the knee jerk will be higher euro but I suspect it won’t last long (less than a minute). Such a ruling would massively undermine the CDS market. Expect CDS on Portugal to fall dramatically because the process would lose legitimacy. At the same time, Portuguese (and other periphery) bond yields would rise because they would now be uninsurable. There would be a lot of kicking a screaming and many unintended consequences, which generally means yen buying.

ระบบเทรด Dolly

ระบบเทรด Dolly เป็นอีกหนึ่งระบบที่ได้รับความนิยมกันมากในการเทรด เป็นระบบที่สามารถทำกำไรได้ดี และเป็นระบบ ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ดูรูปด้านล่างประกอบ
ระบบนี้ใช้ได้กับทุก Time Frame
ใช้ได้กับทุกๆ ค่าเงิน ( แนะนำ EUR/USD , GBP/USD , EUR/JPY)

ดาวโหลดระบบเทรดที่  Dolly V1.1


รายละเอียดเพิ่มเติมของระบบเทรด Dolly ได้ที่นี่ http://www.forex-tsd.com/dolly/


Credit:www.9professionaltrader.blogspot.com 

ระบบเทรด 4 Hour Strategy

ระบบเทรด 4 Hour Strategy (MACD)
    ระบบนี้เป็นระบบหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เทรดเดอร์หลายคนคงรู้จัก ระบบเทรดนี้เป็นของ ท่าน Phillip Nel ซึ่งเขาได้ศึกษาฟอเร็กมาเป็นระยะเวลามากกว่าสิบปี และทดลองระบบนี้มากว่า 2 ปี ผลการทดสอบมากกว่า 200 ครั้ง สามารถทำกำไรได้มากกว่าเดือนละ 300 จุด ไม่เคยเสียติดต่อกันถึงสองครั้ง และไม่เคยใช้สต๊อบลอสมากกว่า 50จุด ระบบเทรดนี้ เขาแนะนำให้ใช้แค่สองคู่เงินเท่านั้น คือ EUR/USD และ GBP/USD ใช้กับ Time Frame 4 H ระบบนี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง - Moving Average 1. 365 Exponential Moving Average (365EMA) 2. 200 Simple Moving Average (200SMA) 3. 89 Simple Moving Average (89SMA) 4. 21 Exponential Moving Average (21EMA) 5. 8 Exponential Moving Average (8EMA) ปรับสีได้ตามใจชอบ จะได้ดังรูป

- MACD ตั้งค่าที่ 5 - 13 - 1
1. Fast EMA 5
2. Slow EMA 13
3. MACD EMA 1

-Horizontal Lines: เพิ่ม Level ใน MACD
1. Level +0.0015
2. Level +0.0030
3. Level +0.0045
4. Level –0.0015
5. Level –0.0030
6. Level –0.0045

4H MACD PRICE MOVEMENT RULES

1. ในการดูราคาในจุดที่จะ trade ควรดูสิ่งนี้ควบคู่กันด้วย (ทุกครั้ง )
1.1 Moving Average, Trend line, แนวรับ แนวต้าน และตัวเลขจิตวิทยา (พวกเลข 00, 200.00, 1.50, 100.00)
1.2 แล้วมาดู MACD signal เพื่อเป็นการ confirm ในการเทรด

2. ทำการบ้านเยอะๆ เกี่ยวกับ price movement หรือ Market rhythm เช่น print graph 4hr ย้อนหลัง 1 ปีมานั่งปิดแล้วดูแล้ววิเคราะห์แท่งเทียนถัดไป

3. ห้ามเทรด MACD ทุก Signal

4. อย่ากระโดดเล่นหลายคู่
4.1 ควรเล่นไม่เกิน 3 pair (ทุกวันนี้ผมยังคงเล่นแค่ 2 pair) และเล่น pair ที่ชอบและคุ้นเคยกับเรา ถ้าเราเล่นหลาย pair เราจะเสียโอกาสในการเปิด position เดิมที่ควรจะได้ คือถ้าเล่นเยอะ % ที่จะถูกมันก็น้อยลง การเล่นมันย่อมมีผิดพลาด ถ้าเราผิดตัวนี้แล้วเราไปเล่นตัวอื่น เราก็จะพลาดตัวอื่นต่อ ในขณะที่รอบหน้าของตัวแรกที่พลาดอาจจะถูก แต่เราไม่ได้เทรดมัน เทรด 10 ครั้งควรจะถูก 6-7 ครั้งแต่ถ้าเราโดดไปตัวอื่น ทีนี้เราก็จะไม่ได้ 10:6 หรือ 10:7 แล้ว

5. ดูที่อารมณ์ตลาด(Market emotion) – รูปแบบที่แน่นอนของแท่งเทียน
6. ดูจังหวะตลาด(Market Rhythm) และ trend line
7. R:R (Risk reward ratio) ควรเป็น 1:1 ขึ้นไป เช่น Reward 50 Stoploss ไม่เกิน 50

8. เมื่อราคาผ่านเส้น 89SMA มันจะกลับมาหาเส้น 21EMA
8.1 เมื่อราคาวิ่งทะลุ 89SMA แล้วเส้น 21EMA อยู่ข้างบน 89 ราคาจะวิ่งกลับมาหาเส้น 21EMA
8.2 ถ้าไม่กลับไปหาเส้น 21EMA มันจะวิ่งกลับหา 89SMA หรือ 8EMA แทน ก่อนที่มันจะวิ่งต่อไป

9. เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านเส้น 200SMA มันจะวิ่งกลับหาตัวมันเอง (200SMA) ก่อนที่จะวิ่งต่อไป

10. เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านเส้น 21EMA แล้วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้น 21EMA อีกทีก่อนที่จะวิ่งไปหาเส้น 8EMA หรือ89SMA

Credit:www.9professionaltrader.blogspot.com

วิเคราะห์ราคา EUR/USD

หลังจาก ISDA ประกาสว่ากรีซมีโอกาสที่จะผิดนัดการชำระหนี้แน่นอน และ ผลจากข่าวตัวเลขการว่างงานของ สหรัฐซึ่งตัวเลขออกมาดี เกินคาด ราคา Eur/Usd ปรับตัวลงมาทันที่ระดับ 1.3110 แต่ยังมีแรงหนุนซื้อเข้ามาทำให้ยังสามารถคงราคาที่ระดับ 1.3115-20 ได้ก่อนปิดตลาด
คาดว่า อาจมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้อีกเล็กน้อย เพราะยังมีแรงซื้อเข้ามาเรื่อยๆ แต่ในระยะยาว ราคาน่าจะปรับตัวลงอีก เพราะปัญหาหนี้สินต่างๆยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการแก้ไขปัญหาในระยะยาว 



8/3/55

EUR/USD, GBP/USD, GOLD 08/03/2012

EUR/USD
Pivot: 1.3125.

Most Likely Scenario: LONG positions @ 1.3135 with targets @ 1.321 & 1.324.

Alternative scenario: The downside penetration of 1.3125 will call for 1.31 & 1.3075.

Comment: The pair and its intraday RSI have broken above their declining trend lines.

GBP/USD
Pivot: 1.5715.

Most Likely Scenario: LONG positions @ 1.5725 with targets @ 1.58 & 1.584.

Alternative scenario: The downside penetration of 1.5715 will call for a slide towards 1.569 & 1.5645.

Comment: The pair is breaking above its resistance.
 GOLD 
Pivot: 1678.00

Most Likely Scenario: LONG positions above 1678 with targets @ 1694 & 1705.

Alternative scenario: The downside penetration of 1678 will call for a slide towards 1663 & 1657.

Comment: The RSI advocates for further upside.

เครดิต FXPRO

EUR/USD

จากสถาณการณ์แนวโน้มหลังจากที่ eur/usd พยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้าน (ตามแนวเทรนไลน์) แต่ไม่สามารถผ่านได้ จึงอาจแสดงแนวโน้มกลับมาเป็นขาลงอีกอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี ยังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในระดับราคา 1.31 ขึ้นไป ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า eur/usd จะสามารถกลับขึ้นไปเทสแนวต้านได้อีกครั้ง ทั้งนี้รอติดตามข่าว ในวันนี้อีกครั้งนะครับ

จากรูปด้านล่างจะเห็นว่าค่าเงินดอลล่า กำลังอยู่ในช่วง Overbought หรือมีการซื้อที่มากเกินไป ทำให้ค่าเงินดอลล่า อาจปรับตัวลงมาเพื่อสร้างสมดุลอีกครั้งนะครับ ซึ่งอาจเป็นผลให้ ค่าเงิน ยูโร ซึ่งอยู่ในโซน Over Low น่าจะปรับตัวขึ้นมาอีกครั้ง เป็นผลให้ Eur/Usd , Gbp/Usd น่าจะปรับราคากลับขึ้นมาได้



7/3/55

EUR/USD 07/03/2012

EUR/USD 


Pivot: 1.3175.

Most Likely Scenario: SHORT positions below 1.3175 with 1.31 & 1.3075 as next targets.

Alternative scenario: The upside breakout of 1.3175 will open the way to 1.321 & 1.324.

Comment: the pair is posting a rebound but remains capped by a declining trend line.

GBP/USD

Pivot: 1.5800.

Most Likely Scenario: SHORT positions @ 1.579 with targets @ 1.568 & 1.5645.

Alternative scenario: The upside penetration of 1.58 will call for 1.584 & 1.5875.

Comment: the pair is rebounding but stands below its new resistance.

GOLD (SPOT)

Pivot: 1684.00

Most Likely Scenario: SHORT positions below 1684 with 1657 & 1640 in sight.

Alternative scenario: The upside penetration of 1684 will call for 1695 & 1705.

Comment: the RSI is below its neutrality area at 50%

เครดิต FXPRO

6/3/55

EUR/USD 06/03/2012

EUR/USD ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำฐานราคาใหม่อีกครั้ง เป็นผลสืบเนื่องจาก ราคาทองคำ และน้ำมัน ที่เริ่มมีการปรับตัวลดลง อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทำราคาสูงสุดมาตลอด อาจมีช่วงดีดขึ้นสั้นๆเป็นระยะๆ เพื่อรักษาสมดุล ของราคานะครับ 

EUR/USD


GOLD